ผลงานประพันธ์กลอนลำ

Recent Announcements

แสดงบทความ 1 - 10 จาก 11 รายการ ดูเพิ่มเติม »

เต้ยลา ม.ภาคฯ 2559 ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:44โดยไม่ทราบผู้ใช้

เต้ยลา ม.ภาคฯ  2559

ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

(เต้ยธรรมดา)

โอยกะละว่า ลายล่อง        ล่องของ ละไหลเลี้ยว สุดง่อน

เลียบลัดเลาะ  ละเกาะเกย โขงน้ำ     ไหลเลี้ยว สู่ทะเล

ลายเซ ลายยาว ลายสร้อย  ลายใหญ่น้อย  กะลำเบิ๊ด ถ้วนทั่ว

บทสุดท้าย กะเลยสิ ได้คว้า             ลำเต้ย ซ้วนใส่แคน

(เต้ยพม่า)   

สมควร แล้วหนา                ถึงเวลา ต้องจากจร

เปรียบปักษา  ลาคอน                   ต้องแรมรอน ไลลารัง

เสียงปรบมือ ดังดัง                       เพื่อเพิ่มพลัง  แรงใจ อีกที

บุญพา วาสนา หากมี                    .ภาค ฯ วงนี้ สิหวน คืนมา

(เต้ยธรรมดา)

สมควรลา ไปแล้ว               แนวหว่างใจ ละยังคึดฮอดอยู่

สุริยา ส่องแสง ให้ฮู้                      สนูว่าว  สิส่งเสียง

ไกลกันเพียง  มื้อนี้              ช่อมาลี  บ่ทัน ละแห้งเหี่ยว

ปากกะต่า ละบ่ทัน ละสิเบี้ยว          มีดเกี่ยวข้าว  บ่ทันงอ

 

  **บ่คือดั่ง  ข้าวดอ  เหลืองก้ม  ติดหล่ม ละคนเมิน  บ่คึดเดิน หวนพ้อ

หวนพ้อ….หวนพ้อหวนพ้อ

 

สิหวนงอ โค้งคืนต่าว            ไม้คันหลาว บ่ลืม มัดข้าว

ไก่ขันเซ้า  สุริยา                           สิลอยเวิ่น  เวิ่นละขึ้นฟ้า

สมควรลา  ไปแล้ว                        กระผม ขอลา ไปก่อนแล้ว

กลอนลำ ออนซอนหลายยามอยู่ ชมเชยครูยามเมือบ้าน ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:43โดยไม่ทราบผู้ใช้

กลอนลำ ออนซอนหลายยามอยู่ ชมเชยครูยามเมือบ้าน

ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

ทำนอง ลำทางยาว (ลำเรื่องต่อกลอนทำนองขอนแก่น)

คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิจัยศิลปวัฒนธรรม

มหาวิทยาลัยขอนแก่น

10/08/2559

                บทที่ 1

ละขอบ คุณครู  ผู้ชู้ค้ำ                                   ผู้นำคำ  สอนศิษย์ป่อง

ให้ถืกตาม   ครรลอง                                                          ไหลล่องของ  บ่มีปลิ้น  ถวิลฮอด ผู้ส่องทาง

บทที่ 2

ครูสุเนตร  โพธิสาร นี้เพิ่นสร้าง                     หนทางย่าง  ให้คนเดิน

ได้ฮุ่งเฮือง  เจริญ                                                                หลายพันคน วันปีพ้น

มอขอนแก่น  เพิ่นซอกค้น                                                สรรหาคน  ความฮู้เก่ง

คณะศิลปกรรม  จึงรุดเร่ง                                                 เล็งถ่ายทอด ต่อวิชา

บทที่ 3

ท่านเฮ็ดงานบ่อิดล้า                                           เวลาผ่านมาหลายปี

ปี 2011 พุ้นน่า                                                    เวลาผ่านมา 6  ปี

บุญสาขา  เฮามี                                                                   อาจารย์ท่าน  อยู่เคียงใกล้

ปี 59 นี้ท่านได้                                                                    ตัดสินใจ  คือบ้านเก่า

ข้ามฝังโขง  คืนคอนเค้า                                                    เมืองลาวพุ้น  บ้านเก่าเดิม

บทที่ 4

วันเสาร์ที่ 13 ฤกษ์ดีเริ่ม                      จึงเลี้ยงส่ง  เป็นทางการ

ครูสุเนตร โพธิสาร                                                             ให้ท่านมี  ความสุขล้น

ท่านอาจารย์  เปรียบคือต้น                                               โพธิ์ไทรทอง  เป็นเงาห่ม

ศิษย์ขอพร เทวดา  อินทร์พรหม                                      ซอยคุ้มครอง  อาจารย์ให้  สุขีมั่น  ภัยห่างคีง

กลอนไทย

ครูคือผู้ หนุนส่ง ความรู้ศิษย์                             ด้วยดวงจิต  งดงาม  ตามสั่งสอน

ท่านเปรียบเหมือน  พ่อแม่  ห่วงอาทร                           ดังภมร  ตอมมาลี  เลี้ยงดูรัง

ศิษย์ได้มี  ความรู้ดี  ครูเป็นปลื้ม                                      น้ำตาซึม  ไม่เคยลืม  ภาพเก่าหลัง

ชี้ปัญญา  สอนชีวิต  ให้ศิษย์ฟัง                                       พาถึงฝั่ง  ด้วยเรือจ้าง  จากหัวใจ

กลอนลำ ต้อนรับน้องใหม่ คณะศิลปะกรรศาสตร์ สาขาวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม ประจำปี 2559ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:42โดยไม่ทราบผู้ใช้

กลอนลำ ต้อนรับน้องใหม่ คณะศิลปะกรรศาสตร์ สาขาวิจัยศิลปะและวัฒนธรรม ประจำปี 2559

ทำนอง ลำทางล่อง

ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

(กลอนขึ้น)              โอ้ยละน้อ

ละบุญเอย บุญผลา                                 วาสนา มาฮ่วมพ้อ

งอพันเกี้ยว….ม้วนใส่กัน                     เด้อละน่า….น้องใหม่เอย

(เนื้อกลอน)                             ละขอกราบ  สวัสดีท่าน        อาจารย์  และน้องใหม่

ปีห้าเก้า นี้ได้                                          มาส้น  ฮ่วมเฮือนกัน

เอาจั่งซี้  เพราะฉะนั้น            น้องบ่ทัน  ฮู้จักไผ

เหลียวไปบ่อน  ทางใด                         โน้นนี้นั้น  กะงงแท้

เห็นฟ้าสี  แหล้ ๆ                                    อย่าไปแคร์  อย่าฟ้าวฝั่ง

ให้อยู่จน  กระทั่ง                                                  งานเลิก  จั่งค่อยเมือเด้อ

อาจารย์ท่าน  เอื้อเฟื้อ            เวลามา ฮ่อมฉลอง

มาคองฮับ  นักศึกษา                             รุ่นเจ็ดแล้ว  แต่นับได้

คณะบดี  ท่านไฟซ์                                                ไหง้หา  แต่คนเก่ง

ครูของข้อย  เป้งเป้ง                              อาจารย์นิยมแท้  บ่แมนไผ

ทีมอาจารย์  เพิ่นได้               มาฮ่วมงาน  คือกัน

อ่านชื่อท่าน  บ่ทัน                                                 กินเวลา  เฮาม่วนฟ้อน

ตีเหล็ก  ตีพวมฮ้อน                               ปลาบ้อน  ฮีบแหหว่าน

เก็บผักหวาน   มุดใต้ต้น                        มันสิได้  บ่อนจั่งได้ เออ เอย ละนา

(เต้ยพม่า)                                รุ่นเจ็ดมาครบหรือยัง            ส่งเสียงดังดัง ชื่นใจหน่อยหนา

รุ่นหก จะขอนำพา                                                 ขอเวลา  ต้อนรับ  น้องใหม่

ให้รู้จักกัน เชื่อมสัมพันธ์                      ผูกแขนเชื่อมใจ

หนทาง  ยังอีก  ยาวไกล                        รุ่น เจ็ดยิ้มไว้  ทุ่มใจฝ่าฟัน

(ลำเต้ยธรรมดา)                     สวรรค์ตั้งอยู่เทิ่งฟ้า               ปัญหาเจ้าสิยื้อเถิงบ่ เถิงบ่ เถิงบ่ เถิงบ่

วัฒนธรรมตั้งอยู่ค้อม้อ                         ศิลปกรรมละตั้งอยู่ค้อม้อ 

ออกแบบละตั้งอยู่ค้อม้อ                      สิย่างฮอดได้จั่งใด 

(บทลง)                   โอ้ยนั้นละนา  นวลนวลนา  ละนานวลนวลนา  สมพอควรกระบวนแล้ว หมอลำขอลาไปก่อนแล้ว

กลอนลำอีสาน ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:41โดยไม่ทราบผู้ใช้

กลอน             : กลอนลำอีสาน

ทำนอง           : ลำล่อง

ประพันธ์โดย     : บุญจันทร์  เพชรเมืองเลย

(กลอนขึ้น)

โอยโอยละน้อ ละเสียงแคน ดังจ้าวขึ้น   หมอลำกลอน ฟ้อนเกี้ยวคู่

จิตวิญญาณ เฮาซ้นอยู่              มาแต่ปู่ ย่าเฮาพุ้น เพิ่นลำไว้ กล่อมอีสาน แต่บูฮาน…..ละนา

(เนื้อในกลอน)

(บทที่ 1)         อนิจจัง บ่เที่ยงแท้         ทุกข์ขัง อนัตตา

สังขาร มีล่วงลา                               สู่คน โจกโลกฟ้า

ภูมิปัญญา ของจริงแท้              มีสูแจ ยังมั่นเที่ยง

เว้าเป็นเสียง ฮือจารไว้              เฮาได้ใช้ ทั่วอีสาน

(บทที่ 2)         ภาษาถิ่น พื้นบ้าน         แต่บูฮาน มีมาโดน

มาตั้งแต่ ขนคน                      ข้ามไทยลาว แต่คราวพุ้น

มันบ่สูญ เสียเสี้ยง                    เว้าสำเนียง เสียงคือเก่า

ยังแทนโต ข่อยกับเจ้า               ผู้เฒ่าเว้า แฮ่งม่วนหู

(บทที่ 3)         มีแต่ปุ๊ แต่ปู้                 ภูมิปัญญา ฮ่วมสืบสาน

มูลมังพ่อ แม่บูฮาน                  อักษรธรรม เพิ่นจารไว้

ยามบุญงาน ท่านจึงได้              เอามาใช้ เทศน์ลำส่อง

เป็นครรลอง ตามฮีต                 อดีตพุ้น แต่เก่าเดิม

(บทที่ 4)         บ่ทันโดน เฮาตื่มเริ่ม       เติมแต่ง ฮ้อยภาษา

เอาไทยน้อย เข้ามา                 จ่ายผญา สองน้องอ้าย

ม่วนสะออน เอาฮ้าย                เทิ่งเติมลาย เสียงแคนเป่า

เกิดหมอลำ จำกลอนเว้า            หมอแคนจ้าว  หย่าวหยั่งคืน

(บทที่ 5)         ผู้เฒ่าฟัง ลำพื้น            สะอื้นไห้ ตอนบทโศก

          ยามตลก โปกฮา                     ต่างพากัน หัวม่วนแท้

          กลอนลำเกี้ยว กะบ่แพ้              งมจอกแหน๋ ซอกหาเต่า

          ซาวมือซ้วน ปั๊บเข้า                  ผู้ชายเว้า นี้แม่นขา

(บทที่ 6)         เหลียวขึ้นเบิ่ง ขี้ฟ้า         ลอยลาลับ ลึปหลบแสง

          คือของเก่า เฮาแพง                  มีเปลี่ยนแปลง ไปกันได้

          คือใบลาน จานกลอนไว้             สูญเสียไป เวลาผ่าน

          ไคแต่ คนอีสาน                      เฮียนเขียนอ่าน ท่องกลอนไว้ ต่อยอด ออกหน่อแนว

(บทที่ 7)         ปานเมืองแถน พุ้นแหล่ว   เสียงแซวแซว ม่วนลำกลอน

          แม่นไผเห็น กะออนซอน            ออนซอน ปานก่อนกี้

          อีสานเฮา เดี๋ยวนี้                    หมอลำมี ยังได้ม่วน

          ฝากลูกหลาน เฮาซ่อยพวน         ทวนกลอนลำ หดน้ำไว้ ใบกิ่งก้าน แพร่ขยาย หลานหญิงชาย…..

(กลอนลง)

          พี่น้องเอย

ลำล่อง อัศจรรย์โอ้นโต้นล่องโขง ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:40โดยไม่ทราบผู้ใช้

                                        ลำล่อง อัศจรรย์โอ้นโต้นล่องโขง
                                                ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

 

ละอัศจรรย์น้ำเต้า         ให้เฮาได้มาเกิด 

เปิดป่องฮูออกแล้ว                   ขาวแหล่ต่างเผ่าพันธุ์

          อัศจรรย์หินกั้น             แทนภูกันคนออก

กั้นคนนอกบ่ให้เข้า                  มีคนเฝ้าอยู่สู่ยาม

          อัศจรรย์เปิงบ้าน           เฮือนซานยาวค่าซอก

คันบ่บอกบ่ฮู้                         อันนี้แม่นเวียดนาม

          อัศจรรย์เอิ้นล่าม           ย้านฟังเพิ่นบ่ออก

บัดเพิ่นตอกคืนแล้ว                  อาเซียนได้ซู่แนว

          อัศจรรย์เอิ้นแข่ว           ซู่แนวแม่นมันเบิ๊ด

เกิดบ่มีมันแล้ว                       เอาหยังหย้ำจั่งอิ่มเด้

          อัศจรรย์หาบเร่            ไม้เปเปซ่างไปฮอด

ย่างไปซอดบ้านนั้น                  ย่างไปชนบ้านนี้ งึดแท้ซ่างบ่แพ

          อัศจรรย์แท้เด้              ควายเขาเลมันนอนบวก

ฮวกไปอยู่แทนแล้ว                  ควายไห้ไผแม่นออย

          อัศจรรย์บักพร้าวน้อย     งอยผาซันกิ่งดิ่ง

ย้านมันกลิ้งหล่นถิ่ม                 เสียดายน้ำ ใจแล่นฮน

          อัศจรรย์หน่วยมันโต้น     ตึ๋งตั๋งบักพร้าวอ่อน

หน่วยมันเกลี้ยงบ่อนล่อน           สะออนแท้ถืกหน่วยตา

          อัศจรรย์นำเสื้อผ้า         เป็นป่องมอดกินเบิ๊ด

ออนซอนนำสะเกิ๊ด                  สิกุ้มคีงบ่น้อนั้น

          อัศจรรย์สวรรค์ปั้น         ให้โอ้นโต้น เอ้นเต้นนี่

เชิญล่องโขงไปเบิ่งหมี๋                อยู่โฮยอาน  หมี๋เซินพุ้น

เวียดนามนั้น  พ่อแม่เอ้ย            ขาวพอนพอนเออเออละนา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ลำล่อง ออนซอนสังคมช้างลาว ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์31 ส.ค. 2559 21:39โดยไม่ทราบผู้ใช้

ลำล่อง ออนซอนสังคมช้างลาว

ประพันธ์โดย บุญจันทร์  เพชรเมืองเลย

(กลอนขึ้น)    

ละกบกินเดือนยังเหลือฟ้า  นาคกินปลายังเหลือฮ่อง

เฮาไทยลาวเอิ้นพี่น้อง                 ลำของคั่นบ่ห่างเหิน แก้มเปิ่นเวิ่น….ไทยลาว เออ เออ

(เนื้อในกลอน)

พี่น้องเอย

น้ำเต้าปุงหน่วยนั้น         เฮาพากันมุดออกมา

เทิงภาษาเผ่าพันธุ์                   บ่ต่างกันจนวันนี้

ไทยกับลาวเฮาแต่กี้                  เป็นหนึ่งเดียวไผกะว่า

กาลเวลาเปลี่ยนโลก                 โจกโหลกฟ้ากะเปลี่ยนไป

          มรดกโลกเพิ่นได้           ให้ไปอยู่หลวงพระบาง

เศรษฐกิจเป็นศูนย์กลาง             การท่องเที่ยวกะว่าได้

เอามูลมังฮักษาไว้                    วัดอาฮามให้เขาเบิ่ง

มีเกินเคิ่งลาวนั้น                     หัวจดใต้เลียบล่องของ

ไผเห็นซ่าลือก้อง           แผ่นดินทองมรดก

จกไหง้เอาของดี                     ฝีมือคนประดิษฐ์สร้าง

ไปนำเอาฮูปช้าง                     มาเติมแต้มเพิ่มปรับเปลี่ยน

เอามาเขียนเป็นฮูป                  ติดของใช้หัตถกรรม

เป็นภาพจำจื่อไว้           ช้างยิ่งใหญ่อยู่ตลอด

จนมาฮอดมื้อนี้                      บ่หนีลี้ไปจากคน

ไทยกะไปซอกค้น                    หลวงพระบางนั้นหลายแห่ง

ขอแสดงความปราบปลื้ม            นำพี่น้องที่เจริญ สังคมลาว…..

(บทลง)

เออ….เออ….พี่น้องเอย

เพลง ฟ้อนฮีตสิบสอง : บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์11 มิ.ย. 2558 08:53โดยไม่ทราบผู้ใช้   [ อัปเดต 17 มิ.ย. 2558 00:59 ]

 เพลง ฟ้อนฮีตสิบสอง  คำร้อง/ทำนอง อ.บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย พ.. 2554

(กลอนขึ้น)

ล่ะฮีตสิบสอง โบราณเว้า   ชาวอีสานบ้านเฮา ยังสืบทอด คงคุณค่า        

ล่ะตั้งแต่ปู่สังกะสา ตั้งแต่ย่าสังกะสี เพิ่นพาถือแต่เก่าพุ้น บ่มีเสี้ยงแม่นลึปสูญ
ประเพณีบ่ขาดดุ้น
                               เฮายังนับถือกัน  สิบสองเดือนบ่แปรผัน

ฮีตสิบสองเอ้อเอ่อ ..เออ    นอคองเค้า...
(ทำนองเพลงลูกทุ่งอีสาน)
 (ฮีต1)                   พอถึง/เดือนอ้าย                สงฆ์ทั้งหลาย/พากัน/เข้ากรรม
                จำศิล
/ฟังธรรม                              บุญเข้ากรรม/มีมา/ฮีตนี้
                ธรรมเนียม
/เพิ่นถือ                       หากแม่นดื้อ/เข็ญข้อง/ต้องมี
                ขอเทพ/เทวา/ปราณี                            บุญ
/บารมี/ลูกหลานทำไป

(ฮีต2)                     พอถึง/เดือนยี่                  ฤกษ์ยามดี/โฮมกัน/เดิ่นบ้าน
                เฮ็ดบุญ
/คูณลาน                                   ข้าวเปลือกทาน/หนุนนำ/ชาติใหม่
                ประเพณี
/นี้                                  จัดสุปี/บุญกอง/ข้าวใหญ่
                ฮ่วมกัน
/ถวายให้                                  แด่สงฆ์เจ้า/บุญหลาย/เอานี่

(ฮีต3)                     พอเดือน/สามคล้อย           ลมวอย ๆ/เอาข้าว/มาปั้น
                ชาวบ้าน
/โฮมกัน                           ผูกสัมพันธ์/เฮ็ดบุญ/ข้าวจี่
                จัดแจง
/ถวาย                                 สังฆเจ้า/ฮ่วมเฮ็ด/สุปี
                หากธรรม
/เนียมจั่งซี้                      มีจริงแท้/สืบมา/แต่ก่อน

(ฮีต4)                     เดือนสี่/ฟังเทศ                     บุญผเวส/อดีต/เก่าหลัง
                ผู้เฒ่า
/นั่งฟัง                                          เทศสังกาส/ผเวส/สันดร
                ประดับ
/ธงทิว                               ปลิวไสว/เทิ่งแห่/กัณฑ์หลอน
                พร้อมแห่
/ข้าวพัน/ก้อน                      ม่วนออนซอน/เทศแหล่/มัทรี

 (ฮีต5)                    เดือนห้า/เมือบ้าน             นำเอาขัน/ใส่น้ำ/อบไว้
                มาลา
/ดอกไม้                                   ถวายให้/สงฆ์เจ้า/ทุกปี
                มหา
/สงกรานต์                                 ชาวอีสาน/เอิ้นบุญ/ประเพณี
                ฮดน้ำ
/กับน้องพี่                                สรงกรานต์ทุกปี/ขอพร/ผู้แก่

(ทำนองกาพย์เซิ้ง)
(ฮีต6)                     โอเฮาโอ พวกฟ้อนเฮาโอ  ขอเหล้าขาว/ให้ได้จ้าว/จักโอ
                ขอเหล้าโท
/กินได้ฟ้อน/จักแก้ว        แม่นได้แล้ว/สิเซิ้งแห่/บั้งไฟ
                บั้งไฟไผ๋
/บ่ขึ้น/เทิ่งฟ้า                        ตกลงมา/จับโยน/ลงตม
                บุญบ่สม
/ฮอดพระยา/แถน                บั้งไฟแล่น/ไผ๋ขึ้น/เทิ่งฟ้า
                บุญผลา
/ฝนสิตก/หลายห่า                 บวงสรวง/พระยาในบุญ/เดือนหก
                โอเฮาโอ
 โอพวกฟ้อนเฮาโอ

(ฮีต7)                     พอเดือน/เจ็ดแล้ว             ให้มีแนว/พาแปลง/บ่อนฮ้าง
                ไฮ่นาผาท้าง
                                          ซ่อยฮ่วมสร้าง/เฮ็ดบุญ/ชำฮะ
(ฮีต8)                     พอเดือน/แปดเถิง
                เข้าพรรษา/กิเลส/ลดละ
                บวชเฮียน
/อุตสาหะ
                            ฟังธรรมมะ/เข้าวัด/จำศิล
(ฮีต9)                     พอถึง/เดือนเก้า                    บ่ายเอาข้าว/มาห่อ/ล่อปั้น
                วางนำ
/ดินนั้น                              เอิ้นว่าบุญ/ข้าว/ประดับดิน
(ฮีต10)                   เดือนสิบ/มาฮอด                  บุญข้าวสาก/ทานภูต/ผีกิน
                ซุมน้ำ
/ตาไหลริน                                 ทุกข์ยากสิ้น /คอยบุญ/ส่งหา
(ฮีต11)                   เดือนสิบ/เอ็ดนี้                 บูฮานมี/เฮ็ด/ผาสาทเผิ้ง
                สามเดือน
/มาเถิง                           พระสงฆ์เจ้า/สิออก/พรรษา
(ฮีต12)                   พอเดือน/สิบสอง              ฮ่วมฉลอง/กฐิน/ผ้าป่า
                กลับคืน
/บ้านนา                                   หนุ่มสาวมา/เอาบุญ/นำกัน
(ซ้ำ)

(ลำเต้ยธรรมดา)
                ฮีตสิบสอง ของเฮานั้น       บ่แปรผัน ยังคือแต่ก่อน
ถึงฮีตใด๋ กะได้ม่วน ได้ฟ้อน             ออนซอนแท้ ซื่นสุขสันต์
                มื้อสำคัญ อีสานเฮาแล้ว     มาเอาบุญประเพณียิ่งใหญ่
อยู่บ้านใด๋ ให้มาโฮม มาตุ้ม              เห็นหน้า เว้าไถ่ถาม
                โอ้ยนั้นละน่า พ่อแม่หนา  ละนาลุงป้าหนา
อย่าปะอย่าลืมไลฮีตสิบสอง              ประเพณีเฮาต้อง ฮักษาไว้ ฮักษาไว้

 

ลำล่อง ประวัติลอยกระทง : บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์11 มิ.ย. 2558 08:51โดยไม่ทราบผู้ใช้

ลำล่อง ประวัติลอยกระทง

ประพันธ์โดย บุญจันทร์  เพชรเมืองเลย 1 .. 57

(กลอนขึ้น)

ละเดือนสิบเอ็ดมาฮอดแล้ว  ข้าวออกฮวงเป็นแถว  ลมแล้งพัดวี่วี่

ขอเชิญฮ่วมประเพณี  ลอยกระทงบึงหนองโคตร มอภาคฯ ร่วมฮ่วมส่งเสริม เหมือนดั่งเดิมเออเออบ่ไลฮ้าง

(เนื้อในกลอน)พี่น้องเอย

บทที่ 1                                    ออกพรรษา/ ลาพระเจ้า     เข้าสู่/ หนอลมหนาว

ประเพณี/ ไทยเฮา                               ยังบ่เบิ๊ด/ เพียงท่อนี้

ประวัติศาสตร์/ เฮาแต่กี้                     ล้วนแต่มี/ หนอคุณค่า

เดือนสิบเอ็ด/ ฮ่วมใจมา                     ลอยกระทง/ บูชาไหว้/ นทีนั้น/ แม่คงคา

บทที่ 2                                    .ภาคฯมา/ มื้อนี้                อยากมาฮ่วม/ เล่าประวัติ

วิชาการ/ เฮาถนัด                                จึงมัดกลอน/ เป็นลำร้อง

จากประวัติ/ ที่เกี่ยวข้อง                     ให้พี่น้อง/ ฟังถ้วนถี่

สิบห้าค่ำ/ เดือนสิบเอ็ดมี  กวีหญิง/ คนแรก/ ของไทยนั้น/ พร้อมเปิดเผย

บทที่ 3                                    ขอกล่าวชื่อ/ ย่อย่อ              คือนาง/ นพมาศ

เป็นสตรี/ นักปราชญ์                         ผู้ฉลาด/ สร้างกระทง

ไผได้เห็น/ หลงยอย้อง                      กระทงนาง/ นั้นงามเด่น

ประทับใจ/ ผู้เห็น                                คืนเดือนเพ็ญ/ แสงสีสิ่ว/ สาดส่องน้ำ/ งามกระทง

บทที่ 4                                    แม่คงคา/ เพิ่นฮับฮู้             เฝ้าดู/ แลฮักษา

เทียนประทีป/ ลอยมา                        หอมดอก/ โคทมแท้

ในโขงห้วย/ มีแข้                                หอมเอย/ โชยดอมกลิ่น

สัตว์น้อยใหญ่/ ทุกชีวิน                     อยู่สะดือ/ ทะเลนั้น/  ต่างได้/ ดอกรับพร

บทที่ 5                                    พิธีกรรม/ มีรำฟ้อน            เอวอ่อน/ อ้อนแอ่นสวย

ทั้งทวยเทพ/ กะอำนวย                      แสงสว่าง/ วันเพ็ญนี้

ฮอยพระพุทธเจ้า/ อยู่ที่                       ฝั่งแม่น้ำ/ ลำมะทา

เพื่อขอขมา/ แม่คงคา                         ขอขมา/ พญานาค  ให้เฮานั้น/ ได้อยู่เย็น

 

บทที่ 6                                    เทิงให้เฮา/ ละเว้น              การฆ่าสัตว์/ ตัดชีวิต

งดเฮ็ดผิด/ ศีลห้า                                 กรรมลอยน้ำ/ นำกระทง

แสงผีโพง/ ผีเป้า                                 ยักษ์ฮ้าย/ มารมาเบ่ง

มาข่มเหง/ ให้หายเกลี้ยง  พระพรหมท่าน/ ปัดเป่าภัย

บทที่ 7                                    ขอให้ไข้/ โพยภัยฮ้าย         ลอยน้ำ/ นัมมทานที

ให้เอาสิ่ง/ บ่ดี                                      หายหนี/ จากคีงด้วย

เชิญพระอุปคุต/ วอนท่านช่วย         ที่ดูแล/ น้ำโขงใหญ่

ให้พี่น้อง/ ชาวไทย                             ที่อยู่ใน/ ขวานทองนี้/ สุขก้าวหน้า / ไร้ภัยพาล

บทที่ 8                                    เทศบาล/ บ้านเป็ดนี้           ประเพณี/ ท่านสืบสาน

อลังการ/ เพิ่นจัดงาน                          มหาศาล/ คนมาร่วม

เฮาม.ภาคฯ/ ขอฮ่วมด้วย    มาช่วยงาน/ สมเกียติรเด่

ขอบคุณท่าน/ ที่ทุ่มเท                        จัดสถานที่/ ฮับต้อน ม.ภาคนี้/ แม่นภูมิใจ

บทที่ 9                                    มีงานใด๋/ ท่านเอิ้นใช้         เฮาเต็มใจ/ ให้ท่านบอก

บ่ต้องเกรง/ ใจดอก                             เฮาเป็นคือ/ พี่กับน้อง

ถึงสิบปี/ สิคองถ้า                               ซาวพรรษา/ สิคอยอยู่

อย่าลืมเด้อ/ .ภาคอยู่                         ซอยเดียวกัน/ เด้อกับท่าน 

ยินดีร่วม/ ฮ่วมซ่อยงาน/ เด้อนำท่าน….

กลอนลำล่องต้อนรับนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติ 2556 : บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์11 มิ.ย. 2558 08:50โดยไม่ทราบผู้ใช้   [ อัปเดต 17 มิ.ย. 2558 01:00 ]

กลอนลำต้อนรับนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติ

ทำนองลำล่องสลับเต้ย

ประพันธ์โดยบุญจันทร์ เพชรเมืองเลย  17 ตุลาคม 2557

โอยโอยโอยละน้อ….

(กลอนขึ้น)ละออนซอนเด้

ออนซอน/ความสามารถ  ดังขามชาติ/ผลงานเด่น

วอลเลย์บอล/เฮ็ดให้เห็น  เทิงฟุตซอล/กะเด่นโก้ ประวัติศาสตร์/ชาติไทยเฮาแสนออนซอนเออเอยละน่า

(เนื้อในกลอน)พี่น้องเอย

(บทที่ 1)สามัคคี/เหนียวแน่น           เปรียบคือแผน/ที่ชีวิต

สร้างบัณฑิต/บ่ล่าช้า           มอภาคนั้น/พัฒนา

การศึกษา/กะก้าวหน้า        ดังทั่วฟ้า/ผลงานเด่น

ให้ทั่วโลก/ได้แนมเห็น      เป็นชื่อเสียง/ลูกเต้า/โฮมตุ้ม/ให้ซ่อยแงง

(บทที่ 2)เหรียญทองแดง/เหรียญแรกคว้า  ประวัติศาสตร์/ภาคภูมิใจ

สี่สิบแปดปี/ของไทย           วอลเลย์บอล/จั่งได้พ้อ

ขอกล่าวชื่อ/ย่อๆ                 ชาวมอภาค/ได้จำจื่อ

คนที่หนึ่ง/กะคือ                 คุณทัดดาว/จำไว้/แข็งแรงแท้/บ่เป็นรอง

(บทที่3)คนที่สอง/เก่งบ่แพ้               คือคุณ/คัทลีย์

คนที่สาม/นั้นกะมี              คุณแก้ว/กัลยาพร้อม

คนที่สี่/ขยันซ้อม                 คุณเอ็มอร/หนอเต็มที่

คนที่ห้า/คุณฐาปไพพรรณ หลอมหัวใจกันนั้น  ให้โลกได้ซ่าลือ

(บทที่4)ได้สร้างชื่อ/เสียงให้เว้า        ท่านเหล่านี้/น้อเก่งหลาย

เทิงฟุตซอล/ทีมชาย            ไปได้แชมป์/เด้ออาเซียน

ท่านฟังถืก/บ่มีเพี้ยน           ฟุตซอลเฮา/ชื่อเสียงเด่น

คุณก้องหล้า/เฮ็ดให้เห็น/คุณสรศักดิ์ เฮ็ดให้เห็น เป็นตัวอย่างคนเก่งแท้ ชาติไทยย้องฮ่วมชื่นชม

(บทที่5) ท่านสร้างชื่อ / เสียงให้ชาติ              ศาสนา / พระมหากษัตริย์

เป็นผลงาน/เด่นชัด                             ข่าวลือไกล/คนต่างฮู้

เทิงครูบา/อาจารย์เว้า                          เสียงเดียวกัน/ว่าท่านเก่ง

ได้เล็งเห็น/ความสามารถ บ่มีพลาด/พร้อมส่งเสริม/ หนุนแฮงใจเออเออคอยเชียร์ท่าน

 

(ลำเต้ยพม่า)

ยินดี/ต้อนรับ/ท่านหนา ๆ  เหล่านัก/กีฬา/วอลเล่ย์บอล

มอภาคแสน/ออนซอน                      ทีมฟุตบอล/นั้นก็ดี

ด้วยความ/สามัคคี                                ถึงได้มี/ชื่อเสียง/ก้องไกล

ชื่นชม/นักกี/ฬาไทย                           มอภาค/ส่งใจ/ร่วมเชียร์/อวยพร

(ลำเต้ยธรรมดา)

เฮาออนซอน/หลายล้น                      มอภาคสร้างคน/ผายเฮือ/ถึงฝั่ง

สร้างชื่อเสียง/ให้ดัง/เปี้ยงปั้ง            วอลเล่ย์/บอลไทย

แสนภูมิใจ/มอภาค                              เฮาเด้อ/เมืองขอนแก่น

เว้าทั่วแดน/ไปเลยสุดยอด สุดยอด /โอ้ยสุดยอด/ สุดยอด

ดังไปฮอด/ถึงแถน/ฟากฟ้า                ฟุตซอล/นำพา/ชื่อเสียงลอยเด่น/

ให้คน/ไทยเห็น/ต่างยอย้อง…..

ลำทางสั้น ๑๐ ประเทศอาเซียน : บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

โพสต์9 มิ.ย. 2558 01:15โดยไม่ทราบผู้ใช้   [ อัปเดต 11 มิ.ย. 2558 08:54 ]

ลำทางสั้น ๑๐ ประเทศอาเซียน ประพันธ์โดย บุญจันทร์ เพชรเมืองเลย

 28 สิงหาคม 2556

ลำทางสั้น ๑๐ ประเทศอาเซียน

ประพันธ์โดย บุญจันทร์  เพชรเมืองเลย

28 สิงหาคม 2556

(กลอนขึ้น)

โอ…..นอนอ

ละการพัฒนาบ่หยุดยั้ง  สิบประเทศรวมพลัง  สานสัมพันธ์เป็นพี่น้อง ปองดองไว้บ่เสียหาย เด้ละนาเออ

โอละน้อ นอคุณเอย

(เนื้อในกลอน)

(บทที่ 1)

ละแมนว่านอนาย

สังคมโลก  หมุนโยกเปลี่ยนผัน

เป็นที่อัศจรรย์ ฮุ่งเฮืองเมืองบ้าน

คนหลายล้าน  เห็นงานคึดต่อ

การแข่งขันมารอ  พอให้แจ้งฮับฮู้เห็นพร้อมดั่งกัน

(บทที่ 2)

วันที่แปด สิงหานั้น  สองห้าหนึ่งศูนย์

ห้าประเทศลงทุน  เป็นผู้ก่อตั้ง

บ่หยุดยั้ง  จนว่าได้ชื่อ

สมาคมกะคือ  สมาชิกอาเซียนจนเท่าสู่วัน

(บทที่ 3)

บ่โดนนั้น  ห้าประเทศมาเสริม

ขอเข้ามาเพิ่มเติม  เริ่มเตรียมความพร้อม

ยุบมาก้อม  โฮมใจเป็นหนึ่ง

สิบประเทศกล่าวถึง  เป็นประเทศอาเซียนดังก้องส่าลือ

 (บทที่ 4)

ชื่อประเทศ  สิบอกให้ฮับฮู้ตามที่รวมกัน

เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์  หลายเผ่าชนเชื้อ

มาเลเซีย  พม่า  ลาว  ไทย กะแม่น

ฟิลิปปิน เหนียวแน่น  บูไนพร้อมฮ่วมเคียง

(บทที่ 5)

บ่เบิ๊ดเสี้ยง  ขอเว้าเล่าหา

กัมพูชากะมา  เวียดนามมาด้วย

สิงคโปบ่ม้วย  ห่างหายจากหมู่

อินโดนีเซีย นั้นฮู้  เคียงข้างดั่งกัน

(บทที่ 6)

เว้ามานั้น สิบประเทศเหมาะสม

สร้างความนิยม  ให้สนใจอาเซียน

บ่มีเพี้ยน  สื่อสานเว้าต่อ

หนึ่งความหมายเดียวนอ  ให้เข้าใจแจ่มแจ้งบ่ยากหยั่งถึง

(บทที่ 7)

คำขวัญฟังให้ลึ้ง  หนึ่งวิสัยทัศน์

กับหนึ่งอัตลักษณ์  หนึ่งประชาคม

บ่มีล้มดาษดื่น  เด็ดเดี่ยว

คำขวัญฟังจักเที่ยว  กะเหนียวแน่นม่วนหู

(บทที่ 8)

มีสิ่งหนึ่งควรฮู้  ทางสัญลักษณ์

เห็นประจักร  ฮวงข้าวเหลือพื้นแดงล้อม

อ้อมวงกลมวีขาว  สีน้ำเงินต่อ

รวมสิบฮวงนี้นอ  เป็นกลุ่มอาเซียนสิบประเทศฮู้กัน

 (บทที่ 9)

แนวทางนั้น  ในการเฮ็ดงาน

รวมประสาน สามสิ่ง หลัก ๆ ยึดไว้

การเมืองบ้าน  ต้องสันติสู่อย่าง

ปัญหาใดคาค้าง  ให้ฮ่วมแก้ต่อไป

(บทที่ 10)

เศรฐกิจติดต่อได้  ค้าขายฮ่วมกัน

สร้างความสัมพันธ์  ซ่อยเหลือกันไว้

ประชาชนเฮาได้  อยู่ดีสู่อย่าง

ไทยได้เป็นศูนย์กลาง  การศึกษาท่องเที่ยวอาเซียนส่งเสริม

(บทที่ 11)

วัฒนธรรมกะเริ่ม  เร่งรัดจัดแจง

ไทยเตรียมการแสดง  จัดแหล่งเฮียนฮู้

ให้เขาดูยอย้อง  ว่าของเฮาเด่น

ให้สมส่าเป็น  เอกลักษณ์ของชาติเทิงศาสนา

(บทที่ 12)

อีสานเฮาอย่าช้า  มัวแต่ทวนคิด

ให้ซ่อยกันผูกมิตร  ผองเผ่าเพื่อนบ้าน

มัวแต่คร้าน  มันสิล้าล่วง

หรือรอให้เขาท้วง  จั่งเตื้องตื่นหา

(บทที่ 13)

อีกอันหนึ่งที่ช้า  คือด้านภาษา

ควรฮีบพัฒนา  ส่งเสริมเติมไว้

ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบแปดได้  เว้ามันคล่อง ๆ

ผูกสัมพันธ์พี่น้อง  สิบประเทศหนึ่งเดียว

 (บทที่ 14)

มาลำเกี้ยว  สัมพันธ์สานฮัก

เฮาควรเฮ็ดเป็นหลัก  ให้ต่างชาติเห็นฮู้

ฮีบฟื้นฟูหมอลำไว้  อย่าได้ถิ่มไลห่าง

ปีห้าแปดได้คาง  โอ้ยอึดแนวโชว์เขาจ้อย  เบิ๊ดสิ้นบิ่นเสีย

(บทที่ 15)

ทุกเผ่าเชื้อ  มาฮ่วมใจกัน

ผูกสัมพันธ์ ฮักแพง กันเด้อเอาไว้

อาเซียนใกล้  เข้ามาจ้อม่อ

เฮาอย่ามัวรีรอ  เสียเวลานั่งเฝ้า  ควรฮีบพัฒนา

(บทลง)

สีนานวน  ม้วนๆ  ไว้ก่อนท่อนี้หนา

1-10 of 11